ยินดีต้อนรับทุกๆท่าน Welcome to...



วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2552

สวัสดีครับ...ยินดีต้อนรับทุกๆท่านด้วยความเต็มใจ...

Welcome…
Welcome...

สวัสดีครับ...
ยินดีต้อนรับทุก ๆ ท่านด้วยความเต็มใจ…

พบกับ สารคดีวิธีทำกับข้าวเมืองเหนือประยุกต์...
(กด Shift ค้าง คลิกซ้ายบทความที่เลือก)
*
000 อารัมภบท...อาหารไทยภาคเหนือ
001 เปิดใจ๋...“เฮา...เป๋นลูกหลานจาวเหนียเน้อ...”
002 ประวัติเมือง “หริภุญชัย” และ ตำนานเจดีย์พระบรมธาตุหริภุญชัย
003 ขนมเส้นน้ำเงี้ยว
004 จอผักกาด, อาหารเป็นยา, ปลาทูนึ่ง...สูตรทำรับประทานเอง
005 จิ๊นเก็ม
006 น้ำพริกอ่อง, น้ำพริกเห็ด
007 น้ำพริกหนุ่ม สูตรหนึ่ง
008 น้ำพริกหนุ่ม สูตรสอง
009 แคบหมู
010 จิ๊นลาบ
011 แก๋งอ่อม
*
*********************************************************************************
ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม และให้กำลังใจผู้จัดทำ...
*********************************************************************************

webเพื่อนบ้าน...



วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2552

000 อารัมภบท...อาหารไทยภาคเหนือ


“สวยศิลป์ล้านนา เสน่หาทะเลหมอก ทุ่งไม้ดอกสดสวย ร่ำรวยป่าไม้ งามหลายน้ำตก มรดกประเพณี ชนเผ่ามีมาก หลากผ้าทอมือ เลื่องลือฟ้อนเล็บ เก็บภาพขันโตก เสน่ห์โลกถิ่นเหนือ”

“ภาคเหนือ” เป็นดินแดนที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ครั้งในอดีต นับเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ ที่มีศิลปวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีที่แตกต่างไปจากภาคอื่น ๆ และการที่ชาวเหนือมีเชื้อสายไทยใหญ่ หน้าตา ผิวพรรณ จึงต่างไปจากคนภาคอื่น ๆ ประกอบกับความอ่อนหวาน ซื่อ บริสุทธิ์ ทำให้ชาวเหนือมีเอกลักษณ์ที่เด่นชัดเป็นของตนเอง นอกจากนี้ การมีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา ทำให้เกิดธรรมชาติที่สวยงาม มีความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ และยังเป็นที่อยู่ของคนไทยภูเขาหลายเผ่าพันธุ์ ภาคเหนือจึงเป็นที่รวมของวัฒนธรรมที่หลากหลาย ขนบธรรมเนียม ประเพณี ที่งดงามเหล่านี้ได้สืบทอด กันมานานแสนนาน

“ภาคเหนือ” เป็นพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็นคล้ายต่างประเทศ ไม้เมืองหนาวต่าง ๆ พันธุ์ ถูกนำมาทดลองปลูก และได้กลายเป็นสินค้าที่ทำรายได้ให้แก่เกษตรกรภาคเหนือเป็นอันมาก แต่ถึงจะสามารถปลูกพืช ผัก เมืองหนาวได้ อาหารดั้งเดิมของภาคเหนือก็ยังใช้ผักตามป่าเขา และผักที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ มาใช้ในการปรุงอาหารเป็นส่วนใหญ่

การรับประทานอาหารของชาวภาคเหนือนั้น จะใช้ “โก๊ะข้าว” หรือที่เรียกว่า “ขันโตก” แทนโต๊ะอาหาร โดยสมาชิกในบ้านจะนั่งล้อมวงเพื่อรับประทานอาหารกัน “โก๊ะข้าว” หรือ “ขันโตก”จะทำด้วยไม้รูปทรงกลม มีขาสูงพอที่จะนั่งร่วมวง และหยิบอาหารได้สะดวก ชาวบ้านภาคเหนือจะจัดอาหารใส่ถ้วยแล้ววางบน “โก๊ะข้าว” หรือบางบ้านอาจใช้ใส่กระด้งแทน

การเก็บอาหารที่เหลือเพื่อให้พ้นมด แมลง ที่จะมาไต่ตอม ก็จะใส่กระบุงแล้วผูกเชือกแขวนไว้ในห้องครัว เมื่อต้องการจะรับประทานก็ชักเชือกลงมา ในห้องครัวของทุก ๆ บ้านในภาคเหนือ จึงมีราวไม้สำหรับแขวนหัวหอมและกระเทียมเหมือน ๆ กัน

ชาวภาคเหนือจะรับประทานข้าวเหนียวกันเป็นอาหารหลัก ส่วนกับข้าวก็หาเอาตามท้องทุ่ง และตามลำน้ำ ทั้งกบ เขียด อึ่งอ่าง ปู ปลา หอย แมงนูน จีกุ่ง (จิ้งหรีดชนิดหนึ่ง) ไก่ หมู เนื้อวัวและเนื้อควาย อาหารของชาวภาคเหนือไม่นิยมใส่น้ำตาล ความหวานจะได้จากส่วนผสมที่นำมาทำอาหาร เช่น ความหวานจากผัก จากปลา จากมะเขือส้ม (มะเขือเทศ) เป็นต้น การทำอาหารก็มักจะให้สุกมาก ๆ เช่นผัดก็จะผัดจนผักนุ่ม ผักต้มก็ต้มจนนุ่ม อาหารส่วนใหญ่จะใช้ผัดกับน้ำมัน แม้แต่ “ต๋ำขนุน” เมื่อตำเสร็จก็ต้องนำมาผัดอีกจึงจะรับประทาน ในปัจจุบันนี้ เนื้อสัตว์ที่นิยมนำมาทำอาหารจะเป็น หมู ไก่ เนื้อ และปลาตามลำดับ ปลาที่ใช้ในปัจจุบันมีทั้งปลาเลี้ยง และปลาที่จับมาจากแม่น้ำลำคลอง

อาหารภาคเหนือรสชาติจะออกไปทางเค็มกับเผ็ด แต่ไม่เผ็ดจัด รสหวานไม่นิยมกัน หากจะมีความหวานในอาหารบ้าง ก็จะได้มาจากเครื่องปรุงในอาหารนั้น ๆ ไม่นิยมใช้น้ำตาล แต่จะนิยมใช้น้ำมันในการปรุงอาหาร อาหารส่วนใหญ่จะผัดด้วยน้ำมัน เครื่องจิ้มก็จะเป็นน้ำพริกเป็นส่วนใหญ่ ผักที่ใช้จิ้มส่วนใหญ่จะเป็นผักนึ่ง

อาหารที่ชาวภาคเหนือนิยมใช้กินกับแกล้ม หรือกินเคียงกับอาหารอย่างอื่น ๆ มีดังนี้

“หนังปอง” คือการนำหนังควายมาเผาไฟ แช่น้ำแล้วขูดเอาส่วนที่ดำ ๆ ออก ตัดส่วนที่แข็งทิ้ง และตากแดดให้แห้ง แล้วนำแผ่นหนังนี้ไปปิ้งไฟพอให้อ่อนตัว ใช้มีดตัดเป็นเส้น ๆ แต่ไม่ให้ขาดจากกัน นำไปต้ม 3 วัน 3 คืน โดยใช้ไฟอ่อน ๆ จนแผ่นหนังมีสีเหลือง ๆ ซึ่งจะเก็บไว้รับประทานได้นานวัน เมื่อจะรับประทาน จึงนำมาทอดไฟกลาง ๆ หนังจึงจะพองตัวและกรอบกรุบ ๆ คล้ายกับ “แคบหมู” แต่ถ้าหากไฟแรงหนังจะไหม้ ถ้าไฟอ่อนหนังก็จะไม่พองตัว

“น้ำหนัง” คือเอาหนังควายเผาไฟจนไหม้ดำ นำไปแช่น้ำในโอ่ง แล้วขูดส่วนที่ไหม้ออก นำไปต้มในปี๊บโดยขัดแตะปากปี๊บไว้ เพื่อหนังจะได้ไม่ลอยขึ้นมา ต้มไปจนหนังละลายเป็นน้ำข้น ๆ ก็ยกลง แล้วกรองด้วยกระชอนไม้ไผ่ จากนั้นนำไปละเลงบาง ๆ บนกาบไม้ไผ่ หรือจะผสมงาก่อนละเลงก็ได้นำไปผึ่งในร่ม พอแห้งก็ลอกเก็บ รับประทานกับแกงต่าง ๆ โดยนำ “น้ำหนัง” ไปปิ้งไฟอ่อน ๆ ก่อน

“แคบหมู” นำหนังหมูมากรีดมันออกเพื่อให้เหลือติดนิดหน่อย แล้วเคล้ากับเกลือ และผึ่งแดดให้น้ำมันแห้ง ตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปเคี่ยวกับน้ำมันในกระทะ พอหนังพองเป็นเม็ดเล็ก ๆ แล้วก็เอาไปทอดในน้ำมันที่ร้อนจัด พอหนังหมูพองตัวเท่ากันและออกสีเหลืองเข้มก็ตักขึ้นจากกระทะ

“ไข่มดส้ม” คือการเอาไข่มดแดงไปดองกับเกลือ แล้วจึงนำมายำหรือแกง การดอง “ไข่มดส้ม” จะดองโดยใช้ไข่มดแดง 1 ถ้วย ดองกับเกลือ 2 ช้อนชา

เครื่องปรุงรสในอาหารภาคเหนือ

“ปลาร้า” คือการหมักปลาน้ำจืด เช่น ปลาช่อน ปลากระดี่ เป็นต้น โดยหมักกับเกลือในไหใบเล็ก ๆ จนกระทั่งเป็นปลาร้า ซึ่งใช้ใส่ในอาหารหลายอย่าง

“น้ำปู๋” คือการเอาปูนาตัวเล็ก ๆ มาโขลก แล้วนำไปเคี่ยวไฟอ่อน ๆ สักพัก แล้วกรองเอาแต่น้ำ ใส่ข่า ตะไคร้ และเคี่ยวต่อไปจนข้น “น้ำปู๋” จะมีสีดำ มีความข้นพอ ๆ กับกะปิ การเก็บจะบรรจุใส่ขวดหรือกล่องใบเล็ก ๆ แต่ปากกว้าง “น้ำปู๋” เก็บไว้ได้เป็นเดือน ๆ โดยไม่เสียหรือบูดเน่า

“ถั่วเน่าแผ่น” (ถั่วเน่าแค่บ) คือถั่วเหลืองต้มแล้วนำไปหมักกับเกลือจนนุ่ม จากนั้นนำไปโม่แล้วละเลงเป็นแผ่น ๆ ตากแดดให้แห้ง ใช้แทนกะปิ

“ถั่วเน่าเมอะ” คือถั่วเหลืองต้มหมักกับเกลือ แล้วห่อใบตองให้มีกลิ่น ใช้ทำน้ำพริก ใช้ผัด หรือปิ้งรับประทานกับข้าว

“มะแขว่น” เป็นเครื่องเทศอย่างหนึ่งของภาคเหนือ มีลักษณะเป็นพวงติดกัน เม็ดกลม มีเปลือกสีน้ำตาลเข้ม เปลือกจะอ้าเห็นเม็ดข้างในสีดำกลม มีกลิ่นหอม และมีรสเผ็ดเล็กน้อย

“มะแหลบ” ลักษณะเม็ดแบน ๆ มีกลิ่นหอมอ่อนกว่ามะแขว่น ทางภาคเหนือจะมีเครื่องเทศ คือ “มะแขว่น” และ “มะแหลบ” เพียงสองอย่างเท่านั้น

ผักและเครื่องเทศทางภาคเหนือ ส่วนมากจะเป็นผักเฉพาะถิ่น ผักบางชนิดจะคล้ายกับผักทางภาคอีสาน เพียงแต่เรียกชื่อต่างกันเท่านั้น

“ผักขี้หูด” ลักษณะของผักจะเป็นฝัก และขึ้นเป็นช่อ ๆ ซึ่งฝักจะเล็กแค่ครึ่งเซนติเมตร ยาว 7-8 เซนติเมตร ดอกสีม่วงสวย กินสดโดยจิ้มกับน้ำพริกหนุ่ม ต้มหรือนึ่งกินกับน้ำพริกอ่อง ผักขี้หูดเป็นผักฤดูหนาว ใบคล้ายใบผักกาด จะใช้เฉพาะส่วนที่เป็นฝัก รสเผ็ดเล็กน้อย แต่ถ้าต้มสุกแล้วจะหวาน

“ผักกาดตอง” ใบคล้ายใบพลู แต่ใบสั้นกว่า สีเขียวออกขาว กลิ่นหอมฉุน ใช้กินกับจิ๊นลาบ

“หอมด่วน” คือใบสะระแหน่ ใช้รับประทานกับจิ๊นลาบ และต๋ำมะเขือ

“หอมป้อม” คือผักชี อาหารภาคเหนือส่วนใหญ่นิยมโรยด้วยผักชีหั่นฝอย

“ยี่หร่า” ลักษณะใบเป็นฝอย สีเขียวเข้ม ใช้จิ้มน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกตาแดง และใส่แกงต่าง ๆ

“หยวกกล้วย” จะใช้หยวกกล้วยป่า โดยใช้แกนในมาทำแกง หรือต้มจิ้มน้ำพริก

“บ่าค้อนก้อม” คือมะรุม ใช้แกงส้ม

“บ่าริดไม้” คือฝักลิ้นหมา ลักษณะเป็นฝักสีเขียวขี้ม้า ยาวประมาณ 10-15 นิ้ว ฝักจะมีลักษณะแบน กว้าง 3 นิ้ว ต้มให้นุ่มใช้จิ้มน้ำพริก และมีรสขมเป็นยาระบาย

“บ่าหนุน” คือขนุนอ่อน โดยเด็ดเอาขนุนที่ออกลูกมากเกินไป และจำเป็นต้องเด็ดออกเสียบ้าง เพื่อจะได้ไม่แย่งอาหารกันมากนัก ขนุนอ่อนนี้ใช้ทำแกง หรือตำ หรือต้มจิ้มน้ำพริกก็ได้

“ดอกงิ้ว” คือดอกนุ่นพันธุ์พื้นเมือง

“พริกหนุ่ม” เป็นพริกทางเหนือ มีลักษณะยาวเรียว พริกหนุ่มสดจะมีสีเขียวอมเหลือง มีกลิ่นหอมและไม่ฉุน

“ดอกลิงแลว” เป็นดอกเล็ก ๆ สีม่วง มีลักษณะคล้ายกล้วยไม้ที่เพิ่งแตกดอก คือเป็นปุ่มเล็ก ๆ ปลายดอกเรียว โคนใหญ่ ตัวดอกนุ่ม ลักษณะใบจะยาวคล้ายใบหมาก มีรสหวาน ใช้ทำแกงแค หรือแกงเลียง

“ตูน” คือคูน ต้นคล้ายต้นบอน แต่เปลือกสีเขียวนวล ไม่คันเมื่อมือถูกยางตูน เนื้อตูนสีขาว เนื้อฟ่าม กินสดได้ โดยกินกับตำส้ม (ส้มตำนั่นแหละ) ตำส้มโอ และตำมะม่วง

“ผักหละ” คือชะอม กินได้ทั้งสดและทำให้สุก นิยมกินกับตำมะม่วง ตำส้มโอ หรือใส่แกง เช่น แกงแค เป็นต้น

“ผักหนอก” คือใบบัวบก กินสดกับน้ำพริก หรือกินแกล้มกับยำต่าง ๆ

“หัวปี๋” คือหัวปลี กินได้ทั้งสดและทำให้สุก กินสด เช่น จิ้มกับน้ำพริกอ่อง ทำสุก เช่น ใช้แกงกับปลาย่าง ต้มสุกจิ้มน้ำพริก ปลีกล้วยที่นิยมกินกัน คือ ปลีกล้วยน้ำว้า กับปลีกล้วยป่า

“ดอกแก” คือดอกแค ที่นิยมกินกันมีสองสี คือแคขาว กับแคแดง ใช้ทำแกง หรือต้มจิ้มน้ำพริก สำหรับยอดแคก็กินได้เช่นกัน

“หน่อไม้ไร่” มีลักษณะเล็กยาว มีรสขื่นและขม นิยมเอามาทำเป็นหน่อไม้ปีบ นอกจากจะเก็บได้นานแล้ว ยังทำให้รสขื่นและขมของหน่อไม้คลายลงได้ด้วย ใช้จิ้มน้ำพริก ยำ และผัด

“มะเขือส้ม” คือมะเขือลูกเล็ก ๆ ที่ติดกันเป็นพวงคล้ายมะเขือพวง มีรสเปรี้ยวอมหวานนิด ๆ

“ผักปู่ย่า” เป็นผักที่ขึ้นในป่า มีลักษณะเป็นพุ่มดอกสีเขียวอมชมพูน้ำตาล และมีหนาม ถ้าหากดอกสีเหลืองจะมีรสเปรี้ยว นิยมเอามาทำยำ นอกจาก “ผักปู่ย่า” แล้ว ยังมีผักอื่น ๆ ที่ขึ้นตามป่าแล้วนำมาปรุงอาหารหรือใช้เป็นผักจิ้มอีกหลายชนิด เช่น “ผักสลิด” จะมีรสขม “ผักห้วนหมู” จะมีใบใหญ่และสีเขียวเข้ม มีรสขม “ผักก้านถึง” ใบเล็ก ๆ แหลม ๆ มีรสหวาน เวลาเด็ดจากต้นส่วนมากจะเด็ดแต่ยอดอ่อน ๆ เท่านั้น

นอกจากผักป่าแล้ว ยังมีเห็ดชนิดต่าง ๆ ที่เกิดตามป่า และจะเก็บมารับประทาน เช่น “เห็ดแดง” “เห็ดเผาะ” (เห็ดถอบ) “เห็ดหูหนูลัวะ” (เห็ดหูหนู) เป็นต้น

สารคดีวิธีทำกับข้าวเมืองเหนือประยุกต์ เริ่มตั้งแต่บทความ 000 ถึงบทความ 057

วิธีทำน้ำผลไม้ต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่บทความ 01 ถึงบทความ 52

ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม และกรุณาคลิกโฆษณาให้กำลังใจผู้จัดทำ...

วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2552

51น้ำลิ้นจี่ 52น้ำบ๊วย



49น้ำมังคุด 50น้ำผลไม้รวม



47น้ำเงาะ 48น้ำผักตำลึง



44น้ำชมพู่ 45น้ำส้มโอ 46น้ำกระท้อน



41น้ำมะพร้าวอ่อนปั่น 42น้ำมะพร้าวอ่อน 43น้ำสตรอเบอรี่



38น้ำส้มเขียวหวาน 39น้ำกล้วยหอม 40น้ำองุ่น



35น้ำเชื่อม 36น้ำลำไยสดปั่น 37น้ำลำไยแห้ง



32น้ำมะกอก 33น้ำลูกพรุน 34น้ำมะปราง



29น้ำส้มจี๊ด 30น้ำมะเฟือง 31น้ำละมุด



26น้ำลูกเดือย 27น้ำอินทผลัม 28น้ำขึ้นฉ่าย



23น้ำแอปเปิ้ล 24น้ำรากบัวหลวง 25น้ำตะลิงปลิง



20น้ำมะม่วง 21น้ำแคนตาลูป 22น้ำมะละกอ



17น้ำเก๊กฮวย 18น้ำฝรั่ง 19น้ำชะเอม



15น้ำมะตูม 16นมถั่วเหลือง



13น้ำใบเตย 14น้ำมะยม



ไฟล์ที่ต้องการโหลดอยู่ที่นี่...


สรรหาไฟล์ดีดีหายากมาแบ่งปันกัน

กรุณาคลิกโฆษณาด้านขวามือ...
เพื่อให้กำลังใจคณะผู้จัดทำwebนี้...
(คลิกขวาข้อความตัวสีน้ำเงิน
แล้วคลิกซ้าย Open in New Tab
หรือคลิกซ้าย Open in New Window
จากนั้นเชิญโหลดไฟล์ที่ต้องการ)
ขอขอบคุณที่คลิกเพื่อให้กำลังใจ...
“อันว่าความกรุณาปรานี
จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ
จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน
เป็นสิ่งดีสองชั้นพลันปลื้มใจ
แห่งผู้ให้และผู้รับสมถวิล...”
และขอขอบคุณเจ้าของลิ้งค์ทุกๆท่าน...

เชิญเลือกโหลดไฟล์ได้ตามสบาย...

(โหลดไฟล์คลิกซ้ายตามปรกติครับ)

คลิปแถลงข่าว นปช.จัดชุมนุม 25 เม.ย.2552 ที่สนามหลวง
ภาพ
เสียง
คลิปแถลงข่าวของ 3 เกลอ วันที่ 28 เม.ย. 2552
ภาพ
เสียง

ตีสิบ28-04-2552 น้องดรีมร้องเพลง-เข็มเล่านิทานลิงกับลา เปรียบเทียบซะเห็นภาพ...
ลิงเปรียบเหมือนคนที่ฉลาดแกมโกง พูดมาก พีเซ้นเก่ง ขี้ฟ้อง อ้างอิงตำราสารพัด แต่ไม่เคยทำงานจริง น้องเข็มเธอเปรียบเทียบซะเห็นภาพ...
วุ้ย! เหมือนพรรคแมงสาปเดี๊ยะ...
http://www.mediafire.com/download.php?imjzjj4wj4y
สำรอง

นายกฯทักษิณโฟนอินถึงมวลมหาประชาชนคนเสื้อแดง12/04/52 และคลิปหมอลักษณ์ฟันธง
นายกฯทักษิณ
หมอลักษณ์
นายกฯทักษิณ_ หมอลักษณ์.mp3

คลิปมือปืนใส่สูทยิงเสื้อแดง, เสื้อแดงยึดรถถัง 12/04/52
http://www.mediafire.com/download.php?m2myyjmtn5w

นายกฯทักษิณโฟนอินถึงมวลมหาประชาชนคนเสื้อแดงหน้าทำเนียบ 11/04/2552
จากใจนายกฯทักษิณVideoLinkถึงมวลมหาประชาชนคนเสื้อแดงหน้าทำเนียบ 8,9,10เม.ย.52
เพลงRedInTheLand08-04-2552
เพลงRedInTheLand1_08-04-2552
หยาดเพชร .wmv 17mb
เพลงกูกู้คุณหนูจัดให้ (นุช พจมานย์)
คลิปเสียงกระซิบข้างหู "นายกฯ ทักษิณ คุยกับประชาชน".mp3_8mb
ออกอากาศทางสถานีวิทยุวันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2549
http://sites.google.com/site/northfoodd/dawnhold-khlip4

สกู๊ปพิเศษ ชีวิตต่างแดนบนเครื่องบินของนายกฯทักษิณ พลเมืองกิิตติมศักดิ์นิคารากัว... .wmv
Clip เปิดตัวหนังสือ คนอื่นเรียกนายกฯ แต่เราเรียกพ่อ...4เม.ย.52
ฟังคนเสื้อแดงพูด...ทำไมต้องเข้ามาร่วมชุมนุม .wmv
ดูแล้วน้ำตาซึม...
สัมภาษณ์แม่ครัว...คลังเสบียงคนเสื้อแดง .wmv
Videoเพลง "Red March…สู้ต่อไป...แดงทั้งแผ่นดิน..."

นายกฯทักษิณVideoLinkเวทีคนเสื้อแดงหน้าทำเนียบ5,6,7เม.ย.52
นายกฯทักษิณVideoLinkเวทีคนเสื้อแดงหน้าทำเนียบ3เม.ย.52
ThaksinConfirm 03เม.ย.52 .wmv
นายกฯทักษิณVideoLinkเวทีคนเสื้อแดงหน้าทำเนียบ31มี.ค.52
นายกฯทักษิณVideoLinkเวทีคนเสื้อแดงหน้าทำเนียบ30มี.ค.52
ตำรวจหัวใจสีแดง29มี.ค.52 และตำรวจหัวใจสีแดง1เม.ย.52
นายกฯทักษิณVideoLinkเวทีคนเสื้อแดงหน้าทำเนียบ28มี.ค.52
นายกฯทักษิณVideoLinkเวทีคนเสื้อแดงหน้าทำเนียบ27มี.ค.52
นายกฯทักษิณโฟนอินหน้าทำเนียบรัฐบาล26มี.ค.52
เสื้อแดงเดินจากสนามหลวงไปทำเนียบฯ26มี.ค.52
นายกฯทักษิณโฟนอินที่เชียงใหม่
นายกฯทักษิณโฟนอินที่เชียงราย
http://sites.google.com/site/northfoodd/dawnhold-khlip2

คลิปพระราชดำรัสฯ2548 .wmv
http://www.mediafire.com/download.php?h2ojcq3rnmy

ศึกอภิปรายไม่วางใจรัฐบาลอภิสิทธิ์...
และเอกสารหลักฐานอภิปรายของ เฉลิม (61หน้า)http://sites.google.com/site/northfoodd/dawnhold-khlip2

คลิปนายกฯทักษิณปาฐกถาที่ FCC ฮ่องกง
ช่วงที่1
http://baygon3.no-ip.org/savefiles/HK_FCC_1.wmv
ช่วงที่2
http://baygon3.no-ip.org/savefiles/HK_FCC_2.wmv
แบบเต็มๆรวดเดียวจบ
http://baygon2.no-ip.org/savefiles/2009-03-16SpecialreportThaksinaddress@HK.wmv

นายกฯทักษิณให้สัมภาษณ์ D Station หลังปาฐกถาที่ FCC ฮ่องกง
http://baygon2.no-ip.org/savefiles/DE-TV-Thaksin16-03.wmv

ห้องเรียนประชาธิปไตย ครั้งที่2 สุดมันส์ 16-03-2552
http://sites.google.com/site/northfoodd/dawnhold-khlip2

นายกฯทักษิณโฟนอินที่จันทบุรี15มี.ค.2552
นายกฯทักษิณโฟนอินที่อยุธยา14มี.ค.2552
http://sites.google.com/site/northfoodd/dawnhold-khlip2

ร้อยเพลงที่หาฟังยาก...แก้ไข...
ชุดที่1
http://www.mediafire.com/download.php?yjtqjkz2neo
ชุดที่2
http://www.mediafire.com/download.php?mgizm12yeq2

ทักษิณโฟนอินที่ขอนแก่น 8มีค.52
WMV
http://www.mediafire.com/download.php?jjtnjnzmzvo
MP3
http://www.mediafire.com/download.php?yyzn1aymw0y

Clip ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล…
http://www.prachatouch.com/clip/cover97_virada.wmv

เราพร้อมแล้ว .wmv31.9mb
http://www.mediafire.com/download.php?fz01ymitnmy

TomorrowOri…คนของวันพรุ่งนี้
http://www.mediafire.com/download.php?qvmi2ntmimq

ThailandOri…คนดีของประเทศไทย
http://www.mediafire.com/download.php?2vjmommnjzn

คุกหรือทำเนียบ
http://www.mediafire.com/download.php?gjmzngdzbzn

10น้ำใบบัวบก 11น้ำตะไคร้ 12น้ำขิง





08น้ำแตงโม 09น้ำลูกเกด



05น้ำกระเจี๊ยบ 06น้ำระกำ 07น้ำลูกหว้า



03น้ำมะนาว 04น้ำมะเขือเทศ



วิธีทำน้ำผลไม้ต่างๆ...01น้ำสับปะรด 02น้ำมะขาม






057 ของฝาก...หมาสามตัว


“หมาสามตัว”

ถนนสายหนึ่ง มองไกลสุดกู่ ปลายทางคือความเจริญ สองข้างทางเช่นถนนทั่วไป ต้นไม้ใหญ่ หญ้า ภูเขา หลักกิโลเมตร สุดทางคือสวรรค์

เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี ทุกถนนต้องมีหมาสามตัวเดินอยู่

ถนนสายนี้ก็เช่นกัน...

เจ้าหมาตัวเล็ก สกุลดี ด้อย หรือไม่ ไม่สำคัญ แต่มันเดินทางซ้าย กี่วัน กี่เดือน กี่ปี มันก็เดินทางซ้าย

หมาหนุ่มเดินกลางถนน กี่วัน กี่เดือน กี่ปี มันก็เดินกลางถนน

หมาตัวแก่ชรา เดินทางขวาของถนน เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี

เจ้าหมาตัวเล็กหันมามองหมาตัวกลางอย่างชมชอบ ชื่นชม มันไม่ทราบว่า มันจะไปไหน ทำไม อย่างไร เพียงแต่คิดว่า สักวันมันคงได้เดินกลางถนนแบบนี้บ้าง

เจ้าหมาหนุ่มตัวกลาง เดินกลางถนน คิดจะไปข้างหน้าให้ไกลที่สุด ตาไม่เคยเหลือบมอง ไม่ว่าข้างข้าง ข้างหลัง มันไม่เคยแยแสใส่ใจ ตาของมันมีไว้เพื่อมองไปข้างหน้าให้ไกลที่สุด

ส่วนเจ้าหมาตัวแก่ชรา มองดูเจ้าหมาหนุ่มด้วยตาละห้อย สงสาร มันก็เคยผึ่งผงาดกลางถนนมาแล้ว เคยถามตัวเองมาแล้วว่า ทำอะไร เพื่อใคร ทำอย่างไร และทำไม

มันคิดว่าอีกไม่นานหรอก เจ้าหมาหนุ่มกลางถนน คงมาเดินแบบมันบ้าง...

โดย...
“วัฒน์ โยธิน”

056 พ่อแก่ แม่เฒ่า


เอกสารอ้างอิง...

1. ตำนานเมืองเหนือ เล่ม 1, เล่ม 2 พ.ศ. 2505 พิมพ์ที่ สงวนการพิมพ์ จังหวัดเชียงใหม่
2. ประวัติวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร พิมพ์ที่ ลำพูนการพิมพ์ จังหวัดลำพูน
3. จังหวัดลำพูนปีท่องเที่ยวไทย พ.ศ. 2541-2542 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
4. ตำราทำกับข้าวเมืองเหนือ พ.ศ. 2505 พิมพ์ที่ สงวนการพิมพ์ จังหวัดเชียงใหม่
5. http://www.google.co.th/
6. http://www.thaitambon.com/

“คู่มือทำกับข้าวเมืองเหนือประยุกต์” เล่มนี้ ได้เริ่มต้นเขียนร่างต้นฉบับเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 ด้วยความ “ตั้งใจ” ไว้ว่า จะพิมพ์เป็นรูปเล่มเพื่อแจกเป็นอภินันทนาการในวันมงคล “แซยิด” ครบ 5 รอบ 60 ปีบริบูรณ์ ในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ของตนเอง

ร่างต้นฉบับ “คู่มือทำกับข้าวเมืองเหนือประยุกต์” เล่มนี้ เขียนแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 และต่อมาได้จัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม “เล่มแรก” แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2542 ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดธรรมดาแบบกระเป๋าหิ้ว ยี่ห้อ WORDSTAR 999 (RD-49)

ต่อมาได้จัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม “เล่มที่สอง” แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2543 ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าแบบตั้งโต๊ะ ยี่ห้อ BROTHER ML-100

ได้จัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม “เล่มที่สาม” แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2546 ด้วยระบบคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ ยี่ห้อ LIBERTA/VIVA COM – CELERON 850 - WINDOWS ME

ในระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2546 ได้แก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมข้อมูลในบางส่วนบางตอน และรูปภาพประกอบเนื้อเรื่อง โดยได้เชื่อมต่อ INTERNET ไปที่ http://www.google.co.th/ และ http://www.thaitambon.com/ เพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมและรูปภาพประกอบต่าง ๆ จึงขอถือโอกาสนี้ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงต่อท่านเจ้าของข้อมูลและรูปภาพต่าง ๆ ที่กรุณาอนุเคราะห์อนุญาตให้ COPY ได้ ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงอีกครั้งครับ

จนกระทั่งสำเร็จเป็นแผ่น CD-ROM ต้นฉบับ (CD-ROM FOR COMPUTER) สมบูรณ์เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2546

ต่อมาเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ได้ปรับปรุงให้ทันสมัยตามเทคโนโลยี ด้วยระบบคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ ยี่ห้อ FUJITSU – INTEL PENTIUM 4 2.66 GHz - WINDOWS XP

และเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2550 ได้ศึกษาเรียนรู้วิธีการจัดทำเป็น WEB ด้วยโปรแกรม Macromedia Dreamweaver 8 จนกระทั่งแล้วเสร็จเป็น WEB OFFLINE เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2552 ได้ศึกษาเรียนรู้การจัดทำเป็น WEB ONLINE ทาง http://sites.google.com/site/northfoodd/ ที่ท่านกำลังรับชมอยู่ขณะนี้ และ http://northfoodd.blogspot.com/

ท้ายที่สุด เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ได้ปรับปรุงให้ทันสมัยตามเทคโนโลยี ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ NOTEBOOK ยี่ห้อ COMPAQ CQ45-107TX - INTEL(R) CORE(TM2) DUO CPU P8400 @ 2.26 GHz - WINDOWS VISTA

ธนวุฒิ ดุษฎีปัญจพร
27 พฤษภาคม 2552

055 แก๋งกระด้าง


เครื่องปรุง “แก๋งกระด้าง”

ขาหมูขาหน้า 1 ขา หูหมู 1 หู พริกแห้ง 7-8 เม็ดหรือพริกขี้หนูแห้ง 1 กำมือ หัวหอม 7 หัว กระเทียม 3 หัว ตะไคร้ 2 ต้น ข่า 5 แว่น รากผักชี 4-5 ราก เม็ดผักชี 1 ช้อนชา กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ ใบมะกรูด และต้นหอม-ผักชี-ผักชีฝรั่ง

วิธีปรุง “แก๋งกระด้าง”

ขาหมูขาหน้า 1 ขา หูหมู 1 หู ล้างให้สะอาด ใส่หม้อเติมน้ำพอท่วม ยกตั้งไฟ ต้มเคี่ยวจนสุกและเปื่อยดี แล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ พอดีคำ ใส่ในหม้อเตรียมไว้

เอาพริกแห้ง 7-8 เม็ด หรือพริกขี้หนูแห้ง 1 กำมือก็ได้ (แช่น้ำจนนิ่ม บีบให้แห้ง) หัวหอม 7 หัว กระเทียม 3 หัว ตะไคร้หั่นฝอย 2 ต้น ข่า 5 แว่น รากผักชี 4-5 ราก เม็ดผักชี 1 ช้อนชา กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่นนิดหน่อย ใส่ครกตำให้ละเอียดเข้ากันดี

ตักน้ำพริกในครกใส่ลงไปในหม้อต้มขาหมูที่ต้มแล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้ ยกตั้งไฟ ต้มเคี่ยวจนกระทั่งน้ำแกงเหลือพอขลุกขลิก ปรุงรสด้วยรสดี เกลือป่น ยกลงเทใส่กะละมังทิ้งไว้ให้เย็น แล้วแช่ในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อจะรับประทาน ตัดแกงกระด้างเป็นชิ้น ๆ โรยด้วยต้นหอม-ผักชี-ผักชีฝรั่งหั่นฝอย ก็เป็นอันเสร็จ รับประทานขณะเย็น ๆ ได้ทันที

054 คั่วมะถั่วมะเขือ


“มะถั่ว” ก็คือ “ถั่วฝักยาว” ส่วน “มะเขือ” ก็คือ “มะเขือยาว” ทั้งชนิดยาวและชนิดกลม

เครื่องปรุง “คั่วมะถั่วมะเขือ”

ถั่วฝักยาว 10 ฝัก มะเขือยาวทั้งชนิดกลมและชนิดยาว 5-6 ลูก เนื้อหมู 2 ขีด พริกหนุ่ม 4-5 เม็ด หัวหอม 3 หัว กระเทียม 1 หัว กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะ

วิธีปรุง “คั่วมะถั่วมะเขือ”

ถั่วฝักยาว 10 ฝัก เด็ดเป็นท่อนสั้น ๆ มะเขือยาวทั้งชนิดยาวและชนิดกลม หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ เตรียมไว้

เอาพริกหนุ่ม 4-5 เม็ด หัวหอม 3 หัว กระเทียม 1 หัว กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่นนิดหน่อย ใส่ครกตำให้ละเอียดเข้ากันดี ตั้งกะทะใส่น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะตั้งไฟ พอร้อนตักน้ำพริกในครกลงไปผัดกับเนื้อหมูหั่น 2 ขีด ใส่ถั่วฝักยาวและมะเขือที่เตรียมไว้ลงไป เติมน้ำนิดหน่อย ปรุงรสด้วยรสดี น้ำปลา ปิดฝาหม้อเร่งไฟแรง พอน้ำแห้งเหลือพอขลุกขลิก ตักใส่ถ้วยรับประทานได้ทันที

053 ส้ามะเขือแจ้


“มะเขือแจ้” หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “มะเขือขื่น” มีลักษณะคล้าย ๆ กับ “มะเขือเปราะ” แต่ไม่เหมือนเลยทีเดียว “มะเขือแจ้” ที่นำมารับประทาน ส่วนมากจะเลือกเอาผลแก่เปลือกหนาสีเหลืองเข้ม เพราะจะ “ขื่น” เต็มที่

เครื่องปรุง “ส้ามะเขือแจ้”

มะเขือแจ้หรือมะเขือขื่น 6-7 ลูก พริกแห้ง 4-5 เม็ดหรือพริกขี้หนูแห้ง หัวหอม 3 หัว กระเทียม 1 หัว กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ ปลาย่างแห้ง 1 ตัว และต้นหอม-ผักชี

วิธีปรุง “ส้ามะเขือแจ้”

เอามะเขือแจ้หรือมะเขือขื่น 6-7 ลูก หั่นเป็นแว่นบาง ๆ เตรียมถ้วยไว้

พริกแห้ง 4-5 เม็ด หัวหอม 3 หัว กระเทียม 1 หัว เผาไฟจนสุก ลอกเปลือกดำ ๆ ทิ้ง กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะห่อใบตองปิ้งไฟจนสุก เกลือป่นนิดหน่อย เอาทั้งหมดใส่ครกตำให้ละเอียด ปลาย่างแห้ง 1 ตัว ย่างไฟจนเหลืองหอม แกะเอาแต่เนื้อปลาใส่ครกตำให้เข้ากัน

ตักน้ำพริกในครกลงคลุกเคล้ากับมะเขือแจ้ที่หั่นเตรียมไว้ ปรุงรสด้วยรสดี น้ำปลา โรยหน้าด้วยต้นหอม-ผักชีหั่นฝอย เพียงเท่านี้ก็อร่อยจนลืมอิ่มแล้วครับ

052 ส้าแตงกวา


คำว่า “ส้า” หมายถึง “ยำ” ฉะนั้น “ส้าแตงกวา” ก็หมายถึง “ยำแตงกวา” นั่นเอง

เครื่องปรุง “ส้าแตงกวา”

แตงกวาลูกใหญ่ 2-3 ลูก พริกหนุ่ม 4-5 เม็ด หัวหอม 3 หัว กระเทียม 1 หัว กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ ใบสะระแหน่ และแคบหมู

วิธีปรุง “ส้าแตงกวา”

แตงกวาลูกใหญ่ 2-3 ลูก ปอกเปลือกแล้วใช้ช้อนส้อมขูดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ยาว ๆ ใส่ถ้วยเตรียมไว้

เอาพริกหนุ่ม 4-5 เม็ด หัวหอม 3 หัว กระเทียม 1 หัว เผาไฟจนสุก ลอกเปลือกดำ ๆ ทิ้ง กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะห่อใบตองปิ้งไฟจนสุก และเกลือป่นนิดหน่อย เอาทั้งหมดใส่ครกตำให้ละเอียด

ตักน้ำพริกในครกลงไปคลุกเคล้ากับแตงกวาที่เตรียมไว้ ปรุงรสด้วยรสดี น้ำปลา โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ รับประทานแกล้มกับ “แคบหมู” กรุบ ๆ กรอบ ๆ อร่อย

051 เจียวผักปั๋ง


“เจียว” ในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงกรรมวิธีการ “เจียวไข่” แบบทั่ว ๆ ไป ซึ่งชาวภาคเหนือเรียก “เจียวไข่” ว่า “ทอดไข่” หรือ “คั่วไข่” แต่ “เจียว” ในที่นี้หมายความถึงการต้มแกงอาหารอย่างหนึ่งซึ่งคล้าย ๆ กับแกงจืด จะต้องเอาน้ำใส่หม้อแกงตั้งไฟให้เดือดก่อน แล้วจึงใส่เครื่องปรุงต่าง ๆ ลงไป

“ผักปั๋ง” หรือ “ผักปลัง” เป็นไม้เลื้อยที่มีเถายาวหลายเมตร ลำต้นอวบน้ำ ไม่มีขน แตกกิ่งก้านสาขาได้มาก ใบเป็นมันเกลี้ยง เมื่อขยี้จะเป็นเมือกเหนียว “ผักปั๋งขาว” ลำต้นสีเขียว ส่วน “ผักปั๋งแดง” ลำต้นสีม่วงแดง ซึ่งผักปั๋งทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นที่นิยมนำมารับประทาน

“ต้น ใบ ดอก ราก และ ผล” ของผักปั๋งใช้เป็นยาได้ “ต้น” แก้ขัดเบา แก้ท้องผูก ลดไข้ “ ใบ” แก้อักเสบ กลาก ผื่นคัน ฝี และขับปัสสาวะ “ดอก” แก้เกลื้อน “ราก” แก้มือเท้าด่าง แก้รังแค แก้พิษพรรดึก “ผล” สีม่วงใช้แต่งสีอาหารได้

เครื่องปรุง “เจียวผักปั๋ง”

ผักปั๋งหรือผักปลัง หรือผักตำลึงก็ได้ตามใจชอบ 1 ถ้วยใหญ่ พริกหนุ่ม 4-5 เม็ด หัวหอม 5 หัว กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ แหนม 1 ห่อ และมะนาว 1-2 ลูก

วิธีปรุง “เจียวผักปั๋ง”

ผักปั๋งหรือผักปลัง หรือผักตำลึงก็ได้ เด็ดเอาแต่ยอดอ่อน ๆ ล้างน้ำให้สะอาด เตรียมไว้

พริกหนุ่ม 4-5 เม็ด หัวหอม 5 หัว กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ครกตำให้ละเอียด
เอาหม้อแกงใส่น้ำพอสมควรยกตั้งไฟจนเดือด ตักน้ำพริกในครกลงไปละลาย พอเดือดบี้แหนม 1 ห่อลงไป สักครู่จึงใส่ผักที่เด็ดเตรียมไว้ลงไป คนให้ทั่ว ปรุงรสด้วยรสดี เกลือป่น ก่อนยกลงจากเตา บีบมะนาวใส่ลงไปให้น้ำแกงออกรสเปรี้ยวนิด ๆ รับประทานร้อน ๆ เรียกเหงื่อได้ดี

050 แก๋งถั่วใส่ผักหละ


คนล้านนาในอดีต มีความเป็นอยู่เรียบง่าย อาหารการกินก็เช่นกัน วัตถุดิบที่นำมาทำอาหารนั้นมักจะเป็นพืชผักสวนครัว หรือผักที่ขึ้นตามธรรมชาติ เช่น หน่อไม้ ยอดมะม่วง มะรุม เป็นต้น

อาหารพื้นบ้านล้านนาไม่นิยมใส่กะทิและเยิ้มน้ำมัน และไม่เน้นเครื่องเทศอะไรมากนัก แต่จะใช้เครื่องปรุงง่าย ๆ และน้อยชนิด รสชาติมักจะเค็ม และใช้อาหารที่มีความหวานตามธรรมชาติมากินแนมหรือกับแกล้ม เช่น ผักนึ่ง ผักลวก แตงกวา เป็นต้น คนล้านนามักจะรับประทานอาหารเมื่ออุณหภูมิของอาหารที่จะรับประทานเย็นลง ไม่นิยมรับประทานขณะที่อาหารร้อน ๆ

เครื่องปรุง “แก๋งถั่วใส่ผักหละ”

ถั่วฝักยาว ผักหละหรือชะอม รวมกัน 1 ถ้วยใหญ่ ปลาย่างแห้ง 1 ตัว พริกหนุ่ม 10 เม็ด หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ และข่า 5 แว่น
วิธีปรุง “แก๋งถั่วใส่ผักหละ”

ถัวฝักยาวเด็ดเป็นท่อนสั้น ๆ ผักหละหรือชะอมเลือกเอาแต่ยอดอ่อน ๆ เตรียมไว้ เอาพริกหนุ่ม 10 เม็ด หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่นนิดหน่อย ใส่ครกตำให้ละเอียดเข้ากันดี

เอาหม้อแกงใส่น้ำพอสมควร ใส่ข่า 5 แว่นลงไปด้วย ต้มจนเดือดพล่าน ใส่ปลาย่างแห้งที่แกะเอาแต่เนื้อปลาลงไป ต้มเคี่ยวต่อไปสักครู่ ตักน้ำพริกในครกลงไปละลาย พอเดือดอีกครั้ง ใส่ถั่วฝักยาวและผักหละหรือชะอมลงไป คนให้ทั่ว ปรุงรสด้วยรสดี เกลือป่น ปิดฝาหม้อ พอเดือดอีกครั้งก็ยกลงจากเตา รีบเปิดฝาหม้อทันที ผักที่ใส่ลงไปจะเขียวสดน่ารับประทาน

วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

049 แก๋งผักหวาน


“ผักหวาน” ในประเทศไทยพบมากในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะมีขึ้นอยู่ทั่วไปตามป่าชายเขาหรือป่าละเมาะ เป็นพืชที่ทนต่อความแห้งแล้งได้ ตามปกติผักหวานที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจะผลัดใบในช่วงปลายฤดูหนาว และจะแตกใบอ่อนในช่วงฤดูร้อน “ผักหวานป่า” ใบไม่มีขน ชาวบ้านนิยมเก็บยอดอ่อนมารับประทาน ส่วน “ผักหวานบ้าน” นั้นใบมีขน และไม่นิยมนำมารับประทาน

โดยทั่วไปยอดผักหวานที่วางขายในท้องตลาดในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน ส่วนมากเป็นยอดผักหวานจากป่า ปัจจุบันการไปเก็บผักหวานตามป่า มักประสบปัญหาการแก่งแย่งกัน ซึ่งเก็บได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ไม่มีความแน่นอน ด้วยเหตุนี้จึงมีเกษตรกรชาวสวนที่จังหวัดลำพูน ได้ทดลองทำสวนผักหวานขึ้นในที่ดินของตนเอง จนในที่สุดก็สามารถทำสวนผักหวานได้สำเร็จ โดยปลูกผักหวานในสวนประมาณ 3,000 ต้น และขายยอดผักหวานกิโลกรัมละ 200 บาท ซึ่งจะมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อผักหวานถึงในสวนกันเลยทีเดียว

เครื่องปรุง “แก๋งผักหวาน”

ยอดผักหวานอ่อน ๆ 1 ถ้วยใหญ่ ปลาย่างแห้ง 1 ตัว เนื้อหมูสับ 2 ขีด วุ้นเส้นห่อร้อยกรัม 1 ห่อ พริกหนุ่ม 10 เม็ด หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว และกะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีปรุง “แก๋งผักหวาน”

เด็ดผักหวานเลือกเอายอดอ่อน ๆ 1 ถ้วยใหญ่ เตรียมไว้

วุ้นเส้นห่อร้อยกรัม 1 ห่อ แช่น้ำจนนิ่มแล้วหั่นเป็นท่อนสั้น ๆ เตรียมไว้

พริกหนุ่ม 10 เม็ด หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ครกตำให้ละเอียดเข้ากันดี แกะปลาย่างแห้ง 1 ตัวเอาแต่เนื้อปลาใส่ครกตำเข้าด้วยกัน

เอาหม้อแกงใส่น้ำพอสมควรตั้งไฟ ใส่เนื้อหมูสับ 2 ขีดลงไป พอเดือดตักน้ำพริกในครกลงไปผสม คนให้เข้ากัน ใส่ผักหวานพร้อมกับวุ้นเส้นที่เตรียมไว้ ปิดฝาหม้อ พอเดือดอีกครั้งปรุงรสด้วยรสดี เกลือป่น คนให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วยรับประทานร้อน ๆ ได้เลย

048 แก๋งหอยเกล็ดแดง


“หอยเกล็ดแดง” เป็นหอยพันธุ์น้ำจืดชนิดหนึ่งซึ่งมีลักษณะเหมือนหรือคล้าย ๆ กับหอยขม ซึ่งมีมากในจังหวัดทางภาคเหนือ ในตลาดจะมีชาวบ้านที่มีอาชีพทำประมงน้ำจืดนำมาวางขายเป็นประจำ

เครื่องปรุง “แก๋งหอยเกล็ดแดง”

หอยเกล็ดแดง 1 ถ้วยใหญ่ พริกแห้ง 4-5 เม็ดหรือพริกขี้หนูแห้ง หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว ข่า 5 แว่น กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ ข้าวคั่ว 2-3 ทัพพี และผักชีฝรั่ง

วิธีปรุง “แก๋งหอยเกล็ดแดง”

เอาหอยเกล็ดแดงทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ 1 ถ้วยใหญ่ แช่น้ำค้างคืนไว้หนึ่งคืน เพื่อให้หอยคลายดินออกมา วันรุ่งขึ้นจัดการตัดก้นหอยออกให้หมด แล้วล้างให้สะอาด เตรียมไว้

เอาหม้อใส่น้ำพอประมาณต้มจนเดือดพล่าน เทหอยเกล็ดแดงที่เตรียมไว้ลงไปลวกสัก 5-10 นาที เพื่อให้เกล็ดปากหอยหลุด แต่ถ้าไม่หลุดก็ใช้ไม้ปลายแหลมแคะออกให้หมด ล้างน้ำอีกครั้งแล้วเทใส่กระชอนทิ้งให้สะเด็ดน้ำ

เอาพริกแห้ง 4-5 เม็ดหรือพริกขี้หนูแห้งก็ได้ (แช่น้ำจนนิ่ม บีบให้แห้ง) หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว ข่า 5 แว่น กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่นนิดหน่อย ใส่ครกตำให้ละเอียดเข้ากันดี

เอาหม้อแกงใส่น้ำกะให้ท่วมตัวหอย ตักน้ำพริกในครกลงละลาย ยกขึ้นตั้งไฟ พอเดือดใส่หอยที่เตรียมไว้ลงไป สักครู่พอหอยสุก ใส่ข้าวคั่ว 2-3 ทัพพี คนให้ทั่ว ปรุงรสด้วยรสดี เกลือป่น ก่อนยกลงจากเตา โรยด้วยผักชีฝรั่งหั่นฝอย

047 ห่อนึ่ง


การ “นึ่ง” คือ การทำอาหารให้สุกโดยอาศัยความร้อนจากไอน้ำ ซึ่งอาจนึ่งกับไหข้าวที่ใช้นึ่งข้าวเหนียว หรือไหซึ้ง (รังถึง) ก็ได้ การนึ่งมี 2 ลักษณะ คือ นึ่งโดยตรงโดยอาหารนั้นไม่ต้องมีอะไรห่อหุ้ม เช่น นึ่งไก่ นึ่งปลา นึ่งกล้วยตาก เป็นต้น และอีกลักษณะหนึ่ง คือ นำอาหารนั้นมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุง แล้วห่อด้วยใบตองกล้วยก่อนจะนำไปนึ่งจนสุก ได้แก่ การนึ่งห่อนึ่ง เป็นต้น

เครื่องปรุง “ห่อนึ่ง”

เนื้อไก่ เนื้อหมู ตับ เครื่องใน มันสมองหมู ปลา นก อย่างใดอย่างหนึ่งตามใจชอบ พริกแห้ง 5-6 เม็ดหรือพริกขี้หนูแห้ง 1 กำมือ หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว ข่า 5 แว่น ตะไคร้ 2 ต้น รากผักชี 4-5 ราก กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ ขมิ้น 1 ข้อนิ้วก้อย ข้าวคั่ว 2 ทัพพี ใบมะกรูด ใบยอหรือผักกาดขาว และอย่าลืมใบตองกล้วย-ไม้กลัดสำหรับห่อด้วย

วิธีปรุง “ห่อนึ่ง”

เนื้อไก่ เนื้อหมู ตับ เครื่องใน มันสมองหมู ปลา นก อย่างใดอย่างหนึ่งตามใจชอบ ล้างให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ พอดีคำ เตรียมไว้

พริกแห้ง 5-6 เม็ดหรือพริกขี้หนูแห้ง 1 กำมือก็ได้ (แช่น้ำจนนิ่ม บีบให้แห้ง) หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว ข่า 5 แว่น ตะไคร้ 2 ต้นหั่นฝอย รากผักชี 4-5 ราก กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่นนิดหน่อย ขมิ้น 1 ข้อนิ้วก้อย ใส่ครกตำให้ละเอียดเข้ากันดี

ตักน้ำพริกในครกลงคลุกเคล้ากับเนื้อสัตว์ที่หั่นเตรียมไว้ ใส่ข้าวคั่ว 2 ทัพพี โรยด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย ปรุงรสด้วยรสดี เกลือป่น

เอาใบตองกล้วยฉีกเป็นแผ่น ๆ ขนาดสองเท่าของฝ่ามือ วางซ้อนกันสักสองสามชั้น ปูทับหน้าด้วยใบยอหรือผักกาดขาว ตักเนื้อสัตว์ที่คลุกเคล้ากับน้ำพริกแล้วลงไป จัดการห่อให้เรียบร้อย กลัดด้วยไม้กลัดกันหลุด เสร็จแล้วเอาห่อนึ่งทั้งหมดวางเรียงในรังถึง นึ่งไฟแรง ๆ สัก 15-20 นาทีก็สุก แกะห่อรับประทานขณะร้อน ๆ ได้ทันที

046 แก๋งปู๋นา


“ปู๋นา” ก็คือ “ปูนา” ที่นิยมเอามาดองเค็มสำหรับใส่ส้มตำมะละกอรสแซบอีหลี หรือที่เรียกกันทั่ว ๆ ไปว่า “ส้มตำปูเค็ม” นั่นแหละครับ

เครื่องปรุง “แก๋งปู๋นา”

ปูนา 20-30 ตัว ข้าวสาร 1 กำมือ พริกแห้ง 4-5 เม็ดหรือพริกขี้หนูแห้ง หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว ข่า 5 แว่น ตะไคร้ 2 ต้น กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ ขมิ้น 1 ข้อนิ้วก้อย ไข่ไก่หรือไข่เป็ด 1 ฟอง และต้นหอม-ผักชี

วิธีปรุง “แก๋งปู๋นา”

เอาปูนา 20-30 ตัว ล้างให้สะอาด ใส่ครกตำทั้งสด ๆ แล้วกรองเอาแต่น้ำ (กากทิ้งไป) เทใส่หม้อแกง เตรียมไว้

ข้าวสาร 1 กำมือ คั่วให้เหลืองหอม ตำให้ป่น ใส่ถ้วยเตรียมไว้

เอาพริกแห้ง 4-5 เม็ดหรือพริกขี้หนูแห้งก็ได้ (แช่น้ำจนนิ่ม แล้วบีบให้แห้ง) หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว ข่า 5 แว่น ตะไคร้ 2 ต้นหั่นฝอย กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่นนิดหน่อย ขมิ้น 1 ข้อนิ้วก้อย ใส่ครกตำให้ละเอียดเข้ากันดี

ตักน้ำพริกในครกละลายกับน้ำปูในหม้อแกงที่เตรียมไว้ ยกตั้งไฟ พอเดือดตอกไข่ไก่หรือไข่เป็ด 1 ฟองลงไป คนให้ทั่ว พอเดือดอีกครั้งใส่ข้าวคั่วป่นที่เตรียมไว้ ปรุงรสด้วยรสดี เกลือป่น คนอีกครั้ง แล้วตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยต้นหอม-ผักชีหั่นฝอย รับประทานทันทีจะอร่อย

045 อ็อกปล๋า


ถ้าหากหาใบตองกล้วยสำหรับทำกระทงไม่ได้ ก็ยังมีวิธี “อ็อก” อีกแบบหนึ่ง ซึ่งทำได้ง่าย ๆ และสะดวกที่สุด ใช้กระทะนี่แหละแทนกระทงได้เลย

เครื่องปรุง “อ็อกปล๋า”

ปลาน้ำจืดทุกชนิดตามใจชอบ พริกหนุ่ม 10 เม็ด หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว ตะไคร้ 2 ต้น ข่า 3 แว่น กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ ขมิ้น 1 ข้อนิ้วก้อย มะเขือเปราะ 5-6 ลูก น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะ และใบแมงลัก 1 ขยุ้ม

วิธีปรุง “อ็อกปล๋า”

ปลาน้ำจืดทุกชนิดตามใจชอบ จัดการขอดเกล็ดขูดเมือกผ่าท้องควักไส้ทิ้ง แล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ

เอาพริกหนุ่ม 10 เม็ด หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว ตะไคร้ 2 ต้นหั่นฝอย ข่า 3 แว่น กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่นนิดหน่อย ขมิ้น 1 ข้อนิ้วก้อย ใส่ครกตำให้ละเอียดเข้ากันดี

ตักน้ำพริกในครกคลุกเคล้ากับปลาที่หั่นไว้ ใส่มะเขือเปราะผ่าสี่ 5-6 ลูก คนให้เข้ากัน

กระทะใส่น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะ ยกตั้งไฟ พอร้อนตักปลาที่คลุกเคล้ากับน้ำพริกแล้วลงไปผัด เติมน้ำพอขลุกขลิก ปรุงรสด้วยรสดี และน้ำปลา ต้มเคี่ยวพอน้ำแห้งนิดหน่อยก็ตักใส่ถ้วยโรยหน้าด้วยใบแมงลัก 1 ขยุ้ม รับประทานได้ทันที

044 อ็อกไข่

“อ็อก” เป็นการปรุงอาหารโดยนำอาหารใส่ในกระทงซึ่งทำด้วยใบตองกล้วยเย็บซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น แล้ววางกระทงบนตะแกรงบนเตาถ่านไฟรุม ๆ ในการปรุงจะใส่น้ำในอาหารนิดหน่อยพอประมาณ เพราะใช้เวลาไม่นานนักอาหารก็สุก รับประทานได้ทันที

เครื่องปรุง “อ็อกไข่”

ไข่ไก่ ไข่เป็ด ไข่ห่าน ไข่นกกระทา หรือไข่อะไรก็ได้ที่กินได้ ตามใจชอบครับ ต้นหอม พริกไทยป่น และใบตองกล้วย-ไม้กลัดสำหรับทำกระทง

วิธีปรุง “อ็อกไข่”

ตอกไข่ใส่กระทงซึ่งทำด้วยใบตองกล้วยเย็บซ้อนกันหลาย ๆ ชั้น เติมน้ำนิดหน่อย ใส่ต้นหอมหั่นฝอย เกลือป่น แล้ววางกระทงบนตะแกรงบนเตาถ่านไฟรุม ๆ ใช้ช้อนคนกลับไปกลับมา สักครู่จะมีกลิ่นหอมและไข่ในกระทงสุกพอดี โรยหน้าด้วยพริกไทยป่น จะชูรสยิ่งขึ้น

043 แอ็บปล๋า


“แอ็บ” เป็นการปรุงอาหารอีกอย่างหนึ่งของชาวภาคเหนือคล้าย ๆ ห่อหมก ซึ่งจะต้องนำอาหารนั้น ๆ มาปรุงกับเครื่องปรุงก่อน แล้วห่อด้วยใบตอง และกลัดด้วยไม้กลัดให้เรียบร้อย ก่อนจะนำไปย่างบนไฟอ่อน ๆ จนใบตองที่ห่อนั้นไหม้เกรียมเล็กน้อย เช่น แอ็บปล๋า แอ็บเครื่องในหมู แอ็บอ่องออ (สมองหมู) เครื่องปรุงของแอ็บต่าง ๆ เหล่านี้จะใส่ตะไคร้และขมิ้นลงไปด้วย เพื่อดับกลิ่นคาว และทำให้อาหารมีกลิ่นหอมน่ารับประทานยิ่งขึ้น

แอ็บปรุงได้ด้วยปลาน้ำจืด สมองตับและเครื่องในหมู ได้ทั้งนั้น

เครื่องปรุง “แอ็บปล๋า”

ปลาน้ำจืดทุกชนิดหรือสมองตับและเครื่องในหมูอย่างใดอย่างหนึ่งตามใจชอบ พริกหนุ่ม 10 เม็ด หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว ข่า 5 แว่น ตะไคร้ 2 ต้น กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ ขมิ้น 1 ข้อนิ้วก้อย และใบปู่เลยหรือใบไพร ที่สำคัญอย่าลืมใบตองกล้วยและไม้กลัดสำหรับห่อแอ็บด้วย

วิธีปรุง “แอ็บปล๋า”

ปลาน้ำจืดทุกชนิด จัดการขอดเกล็ดขูดเมือกผ่าท้องควักไส้ทิ้ง แล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้ แต่ถ้าหากจะปรุงด้วย ตับ และเครื่องในหมู จะต้องหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเสียก่อน

เอาพริกหนุ่ม 10 เม็ด หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว ข่า 5 แว่น ตะไคร้ 2 ต้นหั่นฝอย กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่นนิดหน่อย ขมิ้น 1 ข้อนิ้วก้อย ใส่ครกตำให้ละเอียดเข้ากันดี แล้วตักน้ำพริกในครกลงคลุกเคล้ากับปลาที่หั่นเตรียมไว้ หรือกับสมอง ตับ และเครื่องในหมูที่หั่นเตรียมไว้ จนเข้ากันดี

เอาใบตองกล้วยฉีกเป็นแผ่น ๆ ขนาดสองเท่าของฝ่ามือวางซ้อนกันสักสามสี่ชั้น ทับหน้าด้วยใบปู่เลยหรือใบไพรเพื่อให้มีกลิ่นหอม ตักปลา หรือสมอง ตับ และเครื่องในหมูที่คลุกเคล้ากับน้ำพริกแล้ววางลงไปบนใบปู่เลยหรือใบไพร ห่อให้เรียบร้อยแล้วกลัดด้วยไม้กลัดกันห่อหลุด

เอาห่อแอ็บที่ห่อเรียบร้อยแล้ว ย่างบนไฟอ่อน ๆ หรือจะวางบนกระทะแล้วยกตั้งไฟอ่อน ๆ ก็ได้คอยหมั่นพลิกกลับไปกลับมาจนใบตองที่ห่อไหม้เกรียมเล็กน้อย พอแอ็บสุกได้ที่จะหอมหวนยั่วยวนชวนรับประทานเลยทีเดียว

ห่อแอ็บนี้จะปรุงด้วยปลาน้ำจืดตัวเล็กตัวน้อยและมีกุ้งฝอยตัวเล็ก ๆ ปะปนบ้างก็ได้ อร่อยไปอีกแบบหนึ่ง เพราะรับประทานได้ทั้งตัวทั้งก้างทั้งกระดูกของปลาและกุ้ง ได้แคลเซียมไปเต็ม ๆ ครับ

042 ยำผักแพะ


“ผักแพะ” คือ ผักที่ขึ้นตามป่าเขาลำเนาไพร มักจะมีรสฝาด ๆ เปรี้ยว ๆ และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ชาวบ้านป่าจะนำมาขายในตลาดราว ๆ เดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นต้นฤดูฝน เป็นเวลาที่ต้นไม้ในป่ากำลังแตกยอดผลิใบอ่อน ผักแพะหรือผักป่ามีมากมายหลายชนิด ซึ่งจะมีชื่อเรียกกัน เช่น ผักไค้เม็ด ผักไค้มด ผักมองกอง ดอกครั่ง ผักขี้ติ้ว ยอดส้มป่อง และยอดมะม่วง เป็นต้น

เครื่องปรุง “ยำผักแพะ”

ผักแพะหรือผักป่า เช่น ผักไค้เม็ด ผักไค้มด ผักมองกอง ดอกครั่ง ผักขี้ติ้ว ยอดส้มป่อง และยอดมะม่วง มากบ้างน้อยบ้างอย่างละเล็กละน้อยหรือเท่าที่มีหรือเท่าที่หาได้ในป่า ปลาช่อน 1 ตัวใหญ่ ตะไคร้ 1 ต้น กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะหรือปลาร้าตัวเล็ก ๆ 2-3 ตัว พริกหนุ่ม 10 เม็ด หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว และมะกอกหรือมะนาว 1-2 ลูก

วิธีปรุง “ยำผักแพะ”

เอาผักต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น มากบ้างน้อยบ้างอย่างละเล็กละน้อยหรือเท่าที่มีหรือเท่าที่หาได้ในป่า ล้างให้สะอาด แล้วเด็ดเอาแต่ยอดอ่อน ๆ ใส่จานใบใหญ่เตรียมไว้

ปลาช่อน 1 ตัวใหญ่ ขอดเกล็ดผ่าท้องควักไส้ทิ้ง เอามีดบั้งตามลำตัว ใส่กระทะเติมน้ำพอท่วม ใส่ตะไคร้ 1 ต้นทุบพอบุบ ๆ ลงไปด้วย ต้มจนปลาสุก ตักใส่จานแกะเอาแต่เนื้อปลาใส่ถ้วยเตรียมไว้

น้ำต้มปลาที่เหลืออย่าทิ้ง เอากะปิดี 1 ช้อนโต๊ะหรือปลาร้าตัวเล็ก ๆ 2-3 ตัวใส่ลงไป ต้มให้เดือดอีกครั้ง กรองเอาแต่น้ำใส่ถ้วยเตรียมไว้

พริกหนุ่ม 10 เม็ด หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว เผาไฟให้สุก ลอกเปลือกดำ ๆ ทิ้ง ใส่ครกตำให้ละเอียดเข้ากันดี ใส่เนื้อปลาที่แกะเอาไว้ ตำให้เข้ากันอีกครั้ง เอาน้ำต้มปลาที่กรองไว้ใส่ลงไปผสมให้เข้ากัน แล้วตักราดบนจานผักที่เตรียมเอาไว้ มะกอก 1-2 ลูกหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงไปด้วย ถ้าไม่มีมะกอกจะใส่น้ำมะนาวแทนก็ได้ คลุกเคล้าให้เข้ากันดี นั่งล้อมวงรับประทานกันทันทีหากรอไว้จะกร่อย และรสชาติจะเสีย ไม่อร่อย

041 ยำผักสะหนัด


คำว่า “ยำผักสะหนัด” คือการเอาผักหลาย ๆ ชนิดมากบ้างน้อยบ้างอย่างละเล็กละน้อยหรือเท่าที่มีมารวมกันต้มหรือนึ่งจนสุก แล้วหั่นผักทั้งหมดให้เป็นเส้นฝอยหยาบ ๆ ยำกับน้ำพริกที่ปรุงไว้

เครื่องปรุง “ยำผักสะหนัด”

ผักบุ้ง หัวปลี มะระ มะเขือพวง มะเขือยาว มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว ถั่วแปบ มากบ้างน้อยบ้างอย่างละเล็กละน้อยหรือเท่าที่มี พริกหนุ่ม 10 เม็ด หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว กะปิดี 1 ช้อนชา งาดำ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะ กระเทียมเจียว และต้นหอม-ผักชี

วิธีปรุง “ยำผักสะหนัด”

เอาผัก เช่น ผักบุ้ง หัวปลี มะระ มะเขือพวง มะเขือยาว มะเขือเปราะ ถั่วฝักยาว ถั่วแปบทั้งหมดล้างให้สะอาด จัดการต้มหรือนึ่งให้สุก แล้วหั่นผักทั้งหมดให้เป็นเส้นฝอยหยาบ ๆ ใส่ถ้วยใบใหญ่เตรียมไว้

พริกหนุ่ม 10 เม็ด หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว เผาไฟให้สุก ลอกเปลือกที่ดำ ๆ ทิ้ง กะปิดี 1 ช้อนชาห่อใบตองปิ้งไฟจนสุก เกลือป่นนิดหน่อย งาดำคั่วไฟจนสุกหอม 1 ช้อนโต๊ะ แล้วเอาเครื่องปรุงทั้งหมดใส่ครกตำให้ละเอียดเข้ากันดี

ตักน้ำพริกในครกใส่ในถ้วยผักต้มหรือนึ่งที่เตรียมไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยรสดี และน้ำปลา อย่าใส่น้ำตาล เพราะผักต่าง ๆ มีความหวานตามธรรมชาติอยู่แล้ว

กระทะใส่น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะตั้งไฟ ทุบกระเทียม 1 หัวเจียวให้เหลืองหอม เอาผักที่คลุก-เคล้ากับน้ำพริกลงไปผัด คนให้ทั่ว ตักใส่ถ้วยโรยหน้าด้วยต้นหอม-ผักชีหั่นฝอย รับประทานได้ทันที

040 แก๋งตูนใส่ปล๋าเต๊าะ

“ปล๋าเต๊าะ” ของภาคเหนือ ก็คือ “ปลาเทโพ” สำหรับ “ตูน” เป็นพืชตระกูลเดียวกันกับ “บอน”

เครื่องปรุง “แก๋งตูนใส่ปล๋าเต๊าะ”

ปล๋าเต๊าะหรือปลาเทโพ หรือปลาน้ำจืดปลาอะไรก็ได้ 1-2 ตัวใหญ่ ต้นตูน 4-5 ต้น พริกหนุ่ม 10 เม็ด หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว ตะไคร้ 2 ต้น กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ ขมิ้น 1 ข้อนิ้วก้อย น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะ มะนาว และใบแมงลัก 1 ขยุ้ม

วิธีปรุง “แก๋งตูนใส่ปล๋าเต๊าะ”

ปล๋าเต๊าะ หรือปลาเทโพ หรือปลาน้ำจืดปลาอะไรก็ได้ 1-2 ตัวใหญ่ จัดการขอดเกล็ดขูดเมือกผ่าท้องควักไส้ทิ้ง แล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ ใส่ถ้วยเตรียมไว้

ต้นตูน 4-5 ต้น ล้างให้สะอาด ลอกเยื่อหนา ๆ ทิ้ง แล้วตัดเป็นท่อนสั้น ๆ ใส่ถ้วยเตรียมไว้

เอาพริกหนุ่ม 10 เม็ด หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว ตะไคร้ 2 ต้นหั่นฝอย กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่นนิดหน่อย ขมิ้น 1 ข้อนิ้วก้อย ใส่ครกตำให้ละเอียดเข้ากันดี

กระทะใส่น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะตั้งไฟ พอร้อนตักน้ำพริกในครกลงไปผัดกับปลาจนหอม เติมน้ำพอท่วม (อย่าเติมน้ำมากแกงจะกร่อย) พอเดือดใส่ตูนที่เตรียมไว้ลงไป คนให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยรสดี น้ำปลา บีบมะนาวลงไปให้ออกรสเปรี้ยวพอสมควร ก่อนยกลงจากเตา ใส่ใบแมงลัก 1 ขยุ้ม

039 แก๋งยอดฟักทองกับเห็ดแดงเห็ดโคน




เมื่อเข้าหน้าฝน สารพัดเห็ดที่ขึ้นเองตามป่าตามเขาต่าง ๆ จะมีมากมายหลายชนิด ซึ่งมีทั้งเห็ดที่กินได้ไม่มีพิษ และเห็ดที่กินไม่ได้เพราะมีพิษ จึงจำเป็นต้องให้ท่านผู้แก่ท่านผู้เฒ่าท่านผู้รู้ที่ชำนาญในการกินเห็ดได้ดูหรือพิสูจน์เห็ดต่าง ๆ เหล่านี้ก่อน ว่ากินแล้วจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหรือไม่

ปัจจุบันมีเห็ดที่วางขายในท้องตลาดซึ่งเป็นที่รู้จักและคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี พอเอ่ยชื่อแล้วส่วนมากจะร้องอ๋อ...เช่น เห็ดนางฟ้า เห็ดหูหนู เห็ดฟาง เห็ดเป๋าฮื้อ เห็ดนางรม เห็ดหอม ซึ่งเห็ดต่าง ๆ เหล่านี้กินได้ไม่เป็นพิษไม่เป็นภัยอย่างแน่นอน

เครื่องปรุง “แก๋งยอดฟักทองกับเห็ดแดงเห็ดโคน”

เห็ดแดงเห็ดโคน หรือถ้าไม่แน่ใจก็เลือกเห็ดที่คุ้นหน้าคุ้นตาหรือเคยกินมาแล้ว 1-2 ถ้วย เนื้อหมู 2-3 ขีดหรือปลาสดปลาอะไรก็ได้ 1 ตัวใหญ่หรือปลาย่างแห้ง 1 ตัวใหญ่อย่างใดอย่างหนึ่งแล้วแต่จะชอบ ยอดฟักทอง 2 กำ พริกหนุ่ม 10 เม็ด หัวหอม 5หัว กระเทียม 2 หัว กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะ หรือปลาร้าตัวเล็ก ๆ 2-3 ตัว และใบแมงลัก 1 ขยุ้ม

วิธีปรุง “แก๋งยอดฟักทองกับเห็ดแดงเห็ดโคน”

แกงสูตรนี้ แกงได้ทั้ง เนื้อหมู ปลาสด และปลาย่างแห้ง

เห็ดต่าง ๆ ล้างให้สะอาด หั่นให้เล็กลงให้พอดีคำ ยอดฟักทอง 2 กำ ลอกเยื่อหนา ๆ ทิ้ง แล้วเด็ดเป็นท่อนสั้น ๆ ล้างน้ำให้สะอาด ใส่ถ้วยเตรียมไว้

พริกหนุ่ม 10 เม็ด หัวหอม 5 หัว กระเทียม 2 หัว กะปิดี 1 ช้อนโต๊ะหรือปลาร้าตัวเล็ก ๆ 2-3 ตัวแกะก้างออกแล้วสับให้ละเอียด เกลือป่นนิดหน่อย ใส่ครกตำให้ละเอียดเข้ากันดี

เอาหม้อแกงใส่น้ำพอสมควร ตั้งไฟจนเดือด ใส่เนื้อหมูหั่น 2-3 ขีดหรือปลาสดหรือปลาย่างแห้ง 1 ตัวใหญ่แกะเอาแต่เนื้อก็ได้ ตักน้ำพริกในครกลงไปละลาย พอเดือดจึงใส่ยอดฟักทองและเห็ดที่เตรียมไว้ลงไป ปรุงรสด้วยรสดี น้ำปลา ก่อนยกลงจากเตา ใส่ใบแมงลัก 1 ขยุ้ม

จะใส่ปลาร้าแทนกะปิดีก็ได้ หรือจะใส่ทั้งกะปิดีและปลาร้าก็ได้ ตามใจชอบครับ